มองฟ้ามองดาวเดียวดายหนอ แสงจันทร์ทอหม่นเศร้าเหงาเสมอ
แรมทางเปลี่ยวร้างเสมือนเกลอ พร่ำเพ้อพูดคุยกับชะตากรรม
ดวงตาเขานั้นดูเศร้าโศรก ดั่งโลกทอดทิ้งไว้ให้ชอกช้ำ
เวียนวนกับความหลังที่ฝังจำ คืนค่ำยังท่องไปในใจตน
รสพระธรรมคำสอนอันผ่องผุด ว่าจะหลุดออกไปจากความสับสน
จงปล่อยว่างวางอัตตาในกมล แล้วจะพ้นความทุกข์สุขแทนกัน
จึงศึกษาปฏิบัติอย่างโดดเดี่ยว คร่ำเคี่ยวละอบายอย่างมุ่งมั่น
เหงา เศร้า
โลภ หลงไม่ คงกะพัน เพียงคืนวันขณะหนึ่งซึ่งไม่มี
ก็ตัวตนเพียรค้นล้วนว่างเปล่า หากใจเราประเสริฐเลิศสุขขี
จะพบเขตแดนทิพย์สุขาวดี ยกใจนี้เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว
จึงดื่มด่ำรสทิพย์อันสันโดษ ไม่ก่นโทษโชคชะตาอันคดเคี้ยว
ผูกมิตรความเหงาอย่างกลมเกลียว ความเปล่าเปลี่ยวเพียงปรุงแต่งเสมอมา
ใจเราใครไหนเขาจะรับรู้ เฝ้าเพียรสู้แพ้พ่ายเสมือนว่า
ขีดเขียนชีวิตเล่นดั่งมายา จนชินชาทุกข์ยากเป็นอาจิณ
ต่อไปจะลาร้างจากมืดมิด จะลิขิตความทุกข์ใจให้หมดสิ้น
อาณาจักรแห่งความเหงาบนแดนดิน ที่คุ้นชินคงลาร้างห่างกันไป
เจ้าชายแห่งน้ำตาคงสิ้นสุด ใจพิสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ชิดใกล้
ประหนึ่งดั่งแม่ลูกผูกพันใจ ความรักใคร่เนื้อแท้หาเปรียบปาน
หว่านเม็ดพันธุ์ความสงบลงผืนดิน หวังเก็บกิน ดอก ใบ
แห่งความหวาน
หวานความรัก
รักทุกสิ่งที่พบพาน เพียรเจือจานเพื่อนมนุษย์ทุกผู้คน
แต่พานพบความจริงอันมีอยู่ ความหดหู่กลับถอยมาอีกหน
ภาพทนทุกข์อันเป็นจริงของผู้คน พลันเอ่อล้นความเป็นคนเจ้าน้ำตา
ขอทานขาขาด -เสื้อผ้าวิ่น อุ้มลูกดื่มกินนมแม่แลดูเหงา
มือดำสกปรกดูสั่นเทา โลกสีเทาระบายขึ้นในผืนใจ
คนแก่ไร้บ้านนอนริมฟุตบาท แววตาหวั่นหวาดคล้ายป่วยไข้
ดั่งโลกร้างไร้ซึ่งจะมีใคร แกล้งปล่อยให้ชะตากรรมกระหน่ำตี
อีกคนเขาเที่ยวคุ้ยเก็บเศษอาหาร หวังพบพานปะทังชีพ-รอดคืนนี้
เศษเปือกกุ้ง
ปู ปลา หาเจอที ด้วยแรงนี้ใกล้จะหมดรันทดจริง
ชายจรจัดนอนหนาวกอดขวดเหล้า ชีวิตเขาพังภินท์ถ้วนทุกสิ่ง
ชะตากรรม
ชะตากรรม--ของความจริง กลอกกลิ้งเปลี่ยนผันลงทัณฑ์ไป
รู้สึกสะทกในกายหนาวสั่น น้ำตาพลันเอ่อท้นหนอคนอ่อนไหว
ราดรดเต็มสองแก้มไม่อายใคร ป่วยไข้อีกหน....คนเจ้าน้ำตา....
ขอบคุณภาพ : www.pexels.com