วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รื่มรมย์ชีวี












ดอกปีบขาวออกดอกแตกช่อต้นเดือนกันยายน
ส่งกลิ่นหอมล่อภู่ผึ้งบินตอมไม่ราร้าง
ที่ร่วงก็พราวพร่างเต็มผืนดินเปียกชื้น
จวนย่ำรุ่ง พระออกบิณฑบาต
ชาวบ้านเตรียมดอกไม้ อาหาร ธูปเทียน ถวายภิกษุ………
ความรื่นรมย์อันเงียบสงบย่างกรายมาเยือนอย่างแผ่วเบา
เนิ่นนาน.....คงอีกราวปลายเดือนธันวาคม จะได้ลาจาก
หวนคืนสู่ถิ่นเกิดรากเหง้า ทอดดอกทิ้งใบไว้เป็นปุ๋ยบำรุงดิน.....

ขอบคุณภาพ : www.bansuanporpeang.com

คิดถึง....














๑. ประดู่ยืนนิ่งท่ามกลางสายลมหนาว       บอกเรื่องราวเล่าขานในความหลัง
นกเขาคูจับคู่เอียงหูฟัง                              ว่าอีกฝั่งความฝันเป็นเช่นไร
๒. ชายผู้กอดกุมความหวังยังนั่งเหม่อ        ดั่งละเมอเพ้อคิดพิสมัย
ถึงคนรักผู้จากลาไปแสนไกล                      ร่ำไห้ใจป่วยไข้ไม่บรรเทา
๓. จะมีบ้างไหมหนอความอบอุ่น               ได้อิงหนุนแนบชิดเหมือนใครเขา
ยามหนาวอุ่นไอรักคอยบรรเทา                  ยามโศกเศร้าเอารักคอยเยียวยา
๔. จึงคอย-คอยเธอจะหวนกลับ                 ไกลลิบลับอยู่ตรงไหนบนผืนฟ้า
ฉันรอ ด้วยคิดถึงตรึงอุรา                           จึงฝากฟ้าฝากดวงดาว..คิดถึงเธอ

ขอบคุณภาพ : www.pixabay.com/th/

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ฤดูหนาว













ต้นเดือนตุลาวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง...
เมฆขาวจนคิดว่าน่าจะได้เดินทอดน่องบนแดนดินแห่งจินตนาการนั้น
จินตนาการถึงสรวงสวรรค์ที่ไม่เคยได้พบเจอ....
ใต้ฝ่าเท้านุ่มนิ่มด้วยผืนหญ้าเปียกหมาด 
ประดู่ยืนนิ่งไว้อาลัยกับการจากไปของฤดูฝน
ลีลาวดีดอกขาวแต้มจุดเหลืองพร้อยตรงกลาง..
แย้มยิ้มต้อนรับฤดูหนาว นิ่ง...เนิ่นนาน...
มนุษย์กระจิดริดในขอบเขตมณฑลอันกว้างใหญ่ของจิตใจยังคงจ้องมองไปยังผืนฟ้า....
ไร้ซึ่งการครุ่นคำนึงถึงอดีต..อนาคต มีเพียงปัจจุบันขณะ
แมลงปอบางตัวบินเกาะคอนบนยอดหญ้าข้างธารน้ำ
สัญญาณของฤดูหนาว และงานบุญออกพรรษาจะมาเยือน...

ขอบคุณภาพ : www.pixabay.com/th/

ความคิดถึง....















ถามไถ่ความคิดถึงจากฟากฟ้า          เก็บเอาก้อนเมฆามาเรียงร้อย
เก็บความรักความหวังการรอคอย         นิดหนึ่งน้อยก็มากตามกาลเวลา
ก็ใจเราใครเขาบอกอนุญาต                  ป่าวประกาศเพียงข้างในว่าห่วงหา
กี่ค่ำกี่คืนเต็มตื้นด้วยน้ำตา                    เพียงเห็นหน้าใจเต้นรัวหัวมึนงง
จะเอื้อนเอ่ยคำหวานดังที่คิด                 ก็หวั่นจิตไม่เป็นไปตามประสงค์
คนใจน้อยความหวังยิ่งน้อยลง             ได้แต่ปลงโอ้ใจเราเขาไม่มอง……

ท่องทะเล..ความเหว่ว้า

















เดินทาง ท่ามกลางความเว่หว้า          เห่กล่อมน้ำตาเป็นดั่งเพื่อน
ฝั่งฝัน ความฝันคล้ายลางเลือน          วันเคลื่อนเดือนคล้อยเพียงลำพัง
ด้วยใจใครเขามองว่าไร้รัก                  ฤาจมปลักเวียนวนแต่ความหลัง
เฝ้ารอจนท้อไปไร้พลัง....                    เก็บฝังหัวใจไว้-ไม่ให้ใคร      
น้ำค้างฤดูกาลความเหน็บหนาว         ที่พรายพราวจับดอกใบดูสดใส
วิบวับต้องแสงเช้าผ่องอำไผ               อุ่นใจแม้ชั่วคราวราวละเมอ……
จึ่งท่องทางเดินอีกครั้ง                       ด้วยหวังเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ

ทะลแห่งความเหงายังปรนเปรอ         ผูกเป็นเกลอชีวิตที่ไม่จีรัง...

ขอบคุณภาพ : www.pexels.com


บทกวี เจ้าน้ำตา...

                                    






                                    

                                    เจ้าน้ำตา....
มองฟ้ามองดาวเดียวดายหนอ                 แสงจันทร์ทอหม่นเศร้าเหงาเสมอ
แรมทางเปลี่ยวร้างเสมือนเกลอ                พร่ำเพ้อพูดคุยกับชะตากรรม
ดวงตาเขานั้นดูเศร้าโศรก                         ดั่งโลกทอดทิ้งไว้ให้ชอกช้ำ  
เวียนวนกับความหลังที่ฝังจำ                    คืนค่ำยังท่องไปในใจตน
รสพระธรรมคำสอนอันผ่องผุด                 ว่าจะหลุดออกไปจากความสับสน
จงปล่อยว่างวางอัตตาในกมล                  แล้วจะพ้นความทุกข์สุขแทนกัน
จึงศึกษาปฏิบัติอย่างโดดเดี่ยว                  คร่ำเคี่ยวละอบายอย่างมุ่งมั่น
เหงา เศร้า โลภ หลงไม่ คงกะพัน               เพียงคืนวันขณะหนึ่งซึ่งไม่มี
ก็ตัวตนเพียรค้นล้วนว่างเปล่า                   หากใจเราประเสริฐเลิศสุขขี
จะพบเขตแดนทิพย์สุขาวดี                       ยกใจนี้เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว
จึงดื่มด่ำรสทิพย์อันสันโดษ                      ไม่ก่นโทษโชคชะตาอันคดเคี้ยว
ผูกมิตรความเหงาอย่างกลมเกลียว       ความเปล่าเปลี่ยวเพียงปรุงแต่งเสมอมา
ใจเราใครไหนเขาจะรับรู้                          เฝ้าเพียรสู้แพ้พ่ายเสมือนว่า
ขีดเขียนชีวิตเล่นดั่งมายา                        จนชินชาทุกข์ยากเป็นอาจิณ
ต่อไปจะลาร้างจากมืดมิด                       จะลิขิตความทุกข์ใจให้หมดสิ้น
อาณาจักรแห่งความเหงาบนแดนดิน        ที่คุ้นชินคงลาร้างห่างกันไป
เจ้าชายแห่งน้ำตาคงสิ้นสุด                      ใจพิสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ชิดใกล้
ประหนึ่งดั่งแม่ลูกผูกพันใจ                       ความรักใคร่เนื้อแท้หาเปรียบปาน
หว่านเม็ดพันธุ์ความสงบลงผืนดิน         หวังเก็บกิน ดอก ใบ แห่งความหวาน
หวานความรัก รักทุกสิ่งที่พบพาน             เพียรเจือจานเพื่อนมนุษย์ทุกผู้คน
แต่พานพบความจริงอันมีอยู่                    ความหดหู่กลับถอยมาอีกหน
ภาพทนทุกข์อันเป็นจริงของผู้คน              พลันเอ่อล้นความเป็นคนเจ้าน้ำตา
ขอทานขาขาด -เสื้อผ้าวิ่น                        อุ้มลูกดื่มกินนมแม่แลดูเหงา
มือดำสกปรกดูสั่นเทา                              โลกสีเทาระบายขึ้นในผืนใจ
คนแก่ไร้บ้านนอนริมฟุตบาท                      แววตาหวั่นหวาดคล้ายป่วยไข้
ดั่งโลกร้างไร้ซึ่งจะมีใคร                      แกล้งปล่อยให้ชะตากรรมกระหน่ำตี  
อีกคนเขาเที่ยวคุ้ยเก็บเศษอาหาร        หวังพบพานปะทังชีพ-รอดคืนนี้
เศษเปือกกุ้ง ปู ปลา หาเจอที              ด้วยแรงนี้ใกล้จะหมดรันทดจริง          
ชายจรจัดนอนหนาวกอดขวดเหล้า              ชีวิตเขาพังภินท์ถ้วนทุกสิ่ง
ชะตากรรม ชะตากรรม--ของความจริง          กลอกกลิ้งเปลี่ยนผันลงทัณฑ์ไป
รู้สึกสะทกในกายหนาวสั่น                       น้ำตาพลันเอ่อท้นหนอคนอ่อนไหว
ราดรดเต็มสองแก้มไม่อายใคร                     ป่วยไข้อีกหน....คนเจ้าน้ำตา....
ขอบคุณภาพ : www.pexels.com
Read more: http://tomatoessource.blogspot.com/2013/05/numbered-page-navigation.html#ixzz4MqdVgnIm IT Blog Program Tools Tricks